การร้อยไหม คือ ?
เทคนิคที่นำมาใช้ช่วยยกกระชับ ฟื้นฟูสภาพผิว ลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้าให้ดูเรียว ด้วยไหมละลายโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศเกาหลี หลักการของเทคนิคนี้ คือ การใช้ไหมเส้นเล็กจำนวนมากมาร้อยเป็นเครือข่าย บริเวณใต้ผิวหนังที่ร้อยไหมเข้าไปจะถูกกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ทำให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่ มีผลทำให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ให้สร้างคอลลาเจนใหม่มาพันรอบแนวเส้นไหม มีผลให้เกิดการดึงรั้งผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าเต่งตึงและกระชับ พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตมาเลี้ยงชั้นผิวหนังเพิ่มขึ้น
ร้อยไหมมีกี่แบบ
ในปัจจุบันการร้อยไหมจะแบ่งเป็น 2 แบบ หลักๆ คือไหมละลาย และไหมไม่ละลาย
1. ไหมละลาย สามารถสลายได้เองตามกลไกธรรมชาติ ไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้าง ในปัจจุบันเป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นชื่อกันมาบ้างแล้ว เช่น ไหมก้างปลา ไหมมิ้นท์ ไหมโครงตาข่าย
2. ไหมไม่ละลาย เคยเป็นที่นิยมในสมัยก่อน แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นที่นิยมแล้ว เนื่องจากไหมชนิดนี้ไม่สามารถผ่านเครื่อง CT Scan หรือ MRI ได้ และยังไม่สามารถทนความร้อนสูง ซึ่งอาจทำให้รูปทรงบิดเบี้ยวได้ ทั้งยังไม่สามารถสลายได้เองตามกลไกของร่างกาย เช่น ไหมพลาสติก ไหมทองคำ
จุดประสงค์ของการร้อยไหม
1. การร้อยไหม ช่วยกระตุ้นการเกิดคอลลาเจนที่ผิวหนัง เช่น การร้อยไหมละลาย PDO หรือ ไหมทองคำ ไหมจะถูกร้อยเข้าไปอยู่ในชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน และอิลาสติน
2. ใช้ร้อยชั้นไขมันเข้ากับชั้นใต้ผิวหนังเข้าหากัน เสริมความแน่นของผิวหนัง เป็นการแก้ปัญหาคาง 2 ชั้น หรือทำให้หน้าที่หย่อนกระชับขึ้น แต่ลักษณะการร้อยแบบนี้ การกระตุ้นเซลล์ผิว ให้เกิดคอลลาเจน และอิลาสติน จะน้อยกว่าลักษณะแรก
ไหมมีกี่ชนิด แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร
1. ไหมเรียบ (Mono threads) มีลักษณะเป็นเส้นเรียบ สั้นๆ ความยาวไม่เกิน 10 ไม่มีเงี่ยง ปุ่ม หรือเกลียว นิยมร้อยเป็นตาข่าย เพื่อทำให้ใบหน้ากระชับ โดยไหมจะช่วยเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ส่วนใหญ่จะใช้ร้อยบริเวณหน้าผาก คอ และใต้ตา เนื่องจากเป็นไหมเส้นเล็กจึงจะช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง แต่ไม่ได้ช่วยยกชั้นผิวหนัง
2. ไหมเกลียว ( Screw threads ) เป็นเส้นไหมหนึ่งหรือสองเส้นเกลียวเข้าด้วยกัน โดยไหมชนิดนี้ช่วยในการเพิ่มปริมาตรบริเวณผิวหนังที่ยุบตัว หรือเป็นร่อง จากลักษณะที่มีสองเส้นเกลียวเข้าด้วยกัน จึงสามารถช่วยยกกระชับผิวหนังได้ดีกว่า ดังนั้น ไหมเกลียวจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าไหมเรียบสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย ที่ต้องการยกกระชับผิวหนัง
3. ไหมเงี่ยง ( Cog threads ) หรือไหมก้างปลา ไหมชนิดนี้มีลักษณะค่อนข้างใหญ่และมีเงี่ยงตลอดแนวไหม โดยเงี่ยงของไหมชนิดนี้ จะทำหน้าที่ยึดเกาะเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง และช่วยยกเนื้อเยื่อหรือผิวหนังให้ตึงขึ้น ซึ่งไหมขนิดนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับบริเวณคาง และอยากปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
ขั้นตอนการร้อยไหม
– ทำความสะอาดใบหน้าด้วย Cleansing Lotion ช่วยทาความสะอาดผิว และเครื่องสำอางบนใบหน้า โอนโยนต่อทุกสภาพผิว เพื่อเตรียมพร้อมผิวในขั้นตอนการทำร้อยไหม
– ทายาชา หรือ ฉีดยาชาเฉพาะจุดที่จะร้อยไหมตรงใบหน้า ทิ้งไว้ 30-40 นาที
เมื่อครบเวลา 40 นาที เช็ดทาความสะอาดยาชาบนใบหน้า
– เริ่มทำหัตถการร้อยไหมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญใช้เวลาโดยประมาณ 30 นาที
เสร็จแล้วเช็ดหน้าด้วยสาลีชุบน้ำทำความสะอาดหมาดๆ
วิธีที่ควรทำถ้าอยากให้ไหมอยู่บนหน้านาน ๆ
– ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
– รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
– ทาครีมกันแดดเป็นประจำ และทาครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
– รับประทานวิตามินซี อี โคเอนไซม์คิวเท็น
ลานนาวดี คลินิก ร้อยไหมเชียงใหม่ ปรับรูปหน้า
- Fellowship in Cosmetic Surgery/ Korean college of Cosmetic Surgery
- American Board of Hair Restoration Surgery/ABHRS
- Certificate Hair transplantation By Korean Society of Hair Restoration Surgery/ISHRS
- Member in association of Aesthetic Anti-aging Surgery,Thailand
- Certificate Liposuction by Korean college of Cosmetic Surgery
- Member of International Society of Hair Restoration Surgery
แพทย์ประจำคลินิก
“ลานนาวดีคลินิก” คลินิกศัลยกรรมตกแต่งความงาม โดยทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การันตีจบเฉพาะทางด้าน ศัลยกรรมความงาม (Cosmetic Surgery) จากอเมริกาและเกาหลี เทคโนโลยีอันทันสมัยครบวงจร เพื่อให้คุณได้สวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างมั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์หลังเข้ารับบริการ
สนใจปรึกษาเพิ่มเติม ลานนาวดีคลินิก
โครงการมีโชคพลาซ่า เชียงใหม่
เปิดทุกวัน จ-ศ 10.00 – 19.30 น. ส-อา 10.30 – 19.30 น.
โทร 053-230258
Line id: @lannawadee
IG: lannawadee_clinic
FACEBOOK: Lannawadee Clinic