แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย

แก้ปัญหาหน้าคล้อยยังไงดี เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น

ปัญหาแก้มห้อยหน้าคล้อย ปัญหาระดับชาติของสาวๆ

เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น โดยครั้งนี้จะเล่าถึงปัญหาอื่นๆที่เกิดจากสาเหตุเดียวกันไปด้วยเลย ไม่ว่าจะเป็นคิ้วตก หว่างคิ้ว รอบดวงตา ร่องแก้ม ร่องมุมปากลึก มีเหนียง รวมถึงขอบกรามหนาจนไม่เห็นสันกระดูกที่ชัดเจนหรือเป็นถุง

ไขมัน…คือตัวการ?

คนส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดว่าส่วนที่ห้อยลงมาคือก้อนไขมันที่ถ่วงใบหน้า  จึงหาทางออกด้วยการฉีดลดไขมันที่แก้ม เหนียง หรือแม้แต่ตัดไขมันที่กระพุ้งแก้มออก แต่พอทำแล้วมักพบว่าไม่ได้ผลหรือดูแย่ลงเพราะว่าจริงๆแล้ว ไขมันแทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหย่อนคล้อยของใบหน้าเลย

รู้หรือไม่ว่า ตอนที่เราอายุน้อยจะมีไขมันบนใบหน้ามากกว่าตอนอายุมากเสียอีก และจะค่อยๆลดลง บางลง จนทำให้เราดูแก่ชรา ถึงแม้ว่าหลายคนที่อ้วนขึ้นจะมีแก้มป่องตามมาด้วย แต่คนกลุ่มนี้ถ้าผอมลงหน้าก็จะลดลงเองได้ และการไปยุ่งกับไขมันบนหน้าก็แก้ปัญหาได้ไม่มาก และแก้ได้ในระยะสั้นอยู่ดี

ลองจินตนาการดูว่าใบหน้าของเราคือหมอนใบหนึ่ง ตอนที่ซื้อมาใหม่ๆ หมอนจะตึงแน่น ดูดีมาก แต่พอเวลาผ่านไป เมื่อนุ่น สำลี ฟองน้ำ ที่อยู่ภายในหมอนค่อยๆยุบตัวลง แต่ขนาดของผ่าที่ตัดเย็บหมอนยังคงเท่าเดิม ตัวหมอนจึงย้วย ห้อย ยวบ และไม่เต่งตึงเหมือนเมื่อก่อน ใบหน้าของเราก็เช่นกัน เมื่ออายุมากขึ้น ไขมัน กล้ามเนื้อ รวมถึงกระดูกจะบางและยุบตัวลง แต่หนังที่ปกคลุมใบหน้ามีขนาดเท่าเดิม จึงเริ่มหย่อนคล้อย ตก พับย่น โดยเราจะสังเกตพบว่าส่วนที่อยู่ต่ำสุดของใบหน้าอย่างขอบกรามและใต้คางจะห้อยลงมาเป็นถุงร่องแก้ม ร่องใต้ตา รวมถึงหน้าผาก คิ้ว หนังตา ก็หย่อนคล้อยลงมาเช่นกัน

ตัวช่วยแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย

การแก้ไขปัญหาที่ได้ผลในปัจจุบันมีน้อยมาก แถมยังราคาแพงและได้ผลที่ไม่ถาวร ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดึงหน้า การผ่าตัดร่วมกับการปลูกถ่ายไขมันของใบหน้า การใช้สาร HA เติมเต็มและดึงใบหน้า (Filler) ขณะเดียวกันกระบวนการเสื่อมและบางลงของโครงสร้างกระดูกและใบหน้า ก็ยังคงเกิดขึ้นและดำเนินต่อไปทุกวัน ค่าใช้จ่ายที่ช่วยให้เรามีใบหน้าหนุ่มสาวจึงค่อนข้างสูง และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอ

ส่วนวิธีอื่นๆที่ใช้แก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยนั้นเกิดจากความพยายามลดค่าใช้จ่าย ลดการบาดเจ็บ และลดแผลผ่าตัด แต่ยังไม่มีวิธีไหนที่ได้ผลโดยแท้จริง หรือให้ผลเล็กน้อยแต่ไม่คุ้มค่ากับระยะเวลาที่ได้ผลเพียงไม่กี่เดือน เช่น การใช้พลังงานที่ทำให้ชั้นพังผืดหรือเนื้อเยื่อเกี่ยวพันใต้ผิวหนัง (SMAS) หดตัวลงเพื่อช่วยดึงผิวบนใบหน้า

นอกจากนี้ยังพบว่ามีการแก้ไขปัญหาด้วยการฉีดสเต็มเซลล์ ร้อยไหม ดีท็อกซ์ หรือฉีดโปรตีน ฯลฯ ซึ่งการรักษากลุ่มนี้ ยังไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือว่าได้ผล รวมถึงไม่สามารถทำให้กระดูก กล้ามเนื้อ และไขมันที่บางลงกลับมาหนาตัวเท่าเดิม เช่นเดียวกันกับ การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลิฟต์ใบหน้านั้นได้ผลน้อยมาก อาจจะช่วยในแง่ของการลดการขยับตัวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า จึงทำให้ดูเหมือนริ้วรอยเล็กลง หรืออาจได้ผลดีถ้าทำร่วมกับวิธีอื่นๆ แต่ผลดีก็มีข้อจำกัดและมีผลเสียตามมาพอสมควร

ดังนั้นสำหรับปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย จะเลือกแก้วิธีไหนก็ขอให้ใจเย็นๆ ค่อยๆศึกษาข้อมูลให้ดีและทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ พิจารณาง่ายๆก็คือ การแก้ไขใบหน้าที่หย่อนคล้อยที่ดีนั้นต้องได้ผลทันทีและทำให้หน้าเด็กลงด้วย

สาเหตุที่ผิวหย่อนคล้อยเกิดจากอะไรบ้าง?

1. อายุ

เมื่ออายุมากขึ้นจะคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวที่ช่วยเรื่องความกระชับและยืดหยุ่นจะเริ่มผลิตได้น้อยลง เริ่มสูญเสียไปเรื่อยๆ โครงสร้างใบหน้าอ่อนแอลงทำให้ผิวหย่อนคล้อยไม่เต่งตึงเหมือนเมื่อก่อน

2. กรรมพันธุ์

บางคนอาจจะมีผิวที่ยืดหยุ่นน้อยกว่าปกติและโครงสร้างใบหน้าไม่แข็งแรงอ่อนแอ เนื่องจากกรรมพันธุ์ที่ได้รับมาทำให้ใบหน้ามีโอกาสหย่อนคล้อยได้ไวและมากกว่าคนอื่น

3. แสงแดด

รังสียูวีในแสงแดดเป็นตัวเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพได้ไวขึ้น นำไปสู่การหย่อนคล้อยของผิวเนื่องจากรังสียูวีเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว

4. ไขมัน

ชั้นไขมันในผิวหนังลดน้อยลงมากจนทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย ผิวเกิดการยุบตัว ไม่กระชับเหมือนเดิมทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย

5. กิจวัตรประจำวัน

การสูบบุหรี่ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดและคอลลาเจน ทำให้ผิวหย่อนคล้อยได้ไวกว่าปกติ

หน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไงดี?

1.วันเทอร่า Onethera
เครื่องมือยกกระชับผิวที่หลายคนน่าคุ้นเคยกัน เพราะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สามารถช่วยยกผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ปรับกรอบหน้าให้คมชัดขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินได้อีกด้วย ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือนลง ใบหน้ากลับมาอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง แบบที่ไม่ต้องผ่าตัดดึงหน้าเลยทีเดียว
เป็นเทคโนโลยีที่ปล่อยพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง ในรูปแบบอัลตราซาวด์ที่มีความเฉพาะเจาะจง เข้าสู่ชั้นผิวได้ลึกถึงระดับ SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ใช้ผ่าตัดดึงหน้า แต่ให้ผลลัพธ์ที่มีความเป็นธรรมชาติกว่า แถมยังไม่ต้องเจ็บตัวและไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วย โดยคลื่นนี้เมื่อลงสู่ผิวจะกลายเป็นพลังงานความร้อนจุดเล็ก ๆ เข้าไปกระตุ้นชั้น SMAS ที่เสื่อมสภาพให้เกิดการหดตัว และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวที่หย่อนคล้อย ยกกระชับขึ้น ใบหน้าเรียว กรอบหน้าคมชัดมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผิวเรียบเนียน ริ้วรอยลดเลือนลง ผิวหน้ากลับมาดูอ่อนกว่าวัยได้อีกครั้ง
ซึ่งผลลัพธ์ของการทำอัลเทอร่าหลังทำเสร็จทันทีจะเห็นได้ชัดเลยว่า ใบหน้ายกขึ้นกว่า 10-15 % จนเราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าที่ดีขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพภายใน 1-3 เดือน และผลลัพธ์นี้จะคงอยู่ได้นานกว่า 1-2 ปีเลยทีเดียว

2. โบท็อก
วิธีปรับรูปหน้าที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง โบท็อก นอกจากจะช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อ ให้ใบหน้าเรียวเล็กลง และช่วยลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวเรียบเนียนได้แล้ว การฉีดโบท็อกยังสามารถช่วย ยกกระชับใบหน้าได้อีกด้วย หรือที่เรียกว่า การฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า
โดยแพทย์จะใช้สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ฉีดเข้าไปยังบริเวณกล้ามเนื้อที่ดึงให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยลง กล้ามเนื้อชนิดนี้จะพาดอยู่ตั้งแต่บริเวณกรอบหน้าลงไปยังบริเวณลำคอ ซึ่งสารโบท็อกจะออกฤทธิ์ไปคลายการดึงรั้งของกล้ามเนื้อบริเวณนี้ ส่งผลให้ใบหน้ายกกระชับ กรอบหน้าชัดดูมีมิติ และเรียวเล็กมากขึ้น โดยผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกลิฟหน้าสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีด และใบหน้าจะยกขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพภายใน 1-2 สัปดาห์ คงอยู่ได้นานถึง 6-8 เดือนเลยทีเดียว

3. ฟิลเลอร์ Filler
หลายคนอาจจะคิดว่าฟิลเลอร์เป็นการเติมร่อง ริ้วรอยให้ดูเต็มมากขึ้น อย่างเช่นร่องใต้ตา ร่องแก้ม หรือปรับรูปหน้า เช่นเติมคาง เติมปากให้อวบอิ่ม แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะฟิลเลอร์ยังสามารถฉีดเพื่อช่วยยกกระชับใบหน้าได้อีกด้วย โดยเป็นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับการทำงานของกล้ามเนื้อ สามารถช่วยแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย รูปหน้าไม่เท่ากัน ร่องริ้วรอยต่าง ๆ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดูแข็ง เคลื่อนไหวได้ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปรับโครงสร้างกล้ามเนื้อ ยังทำให้ใบหน้าสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ และผลลัพธ์การยกกระชับออกมาสวย ละมุนมากยิ่งขึ้น

4. การร้อยไหมยกกระชับหน้า
การยกกระชับและฟื้นฟูผิวด้วยการร้อยไหมละลายชนิดเทคนิคจากเกาหลี ใช้ไหมละลายที่มีความปลอดภัยสูง เป็นไหมละลายชนิดเดียวกับที่ใช้ในการเย็บเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน หรือเส้นเลือดในร่างกาย จากนั้นจะค่อย ๆ ถูกกำจัดออกจากร่างกายภายใน 6 เดือน โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งเมื่อทำการร้อยไหมยกกระชับแล้วบริเวณที่ร้อยไหมจะถูกกระตุ้นให้สร้างเส้นเลือดใหม่และกระตุ้นเซลล์ที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนมาพันรอบแนวเส้นไหม ส่งผลให้เกิดการตึงรั้งของผิว ผิวจึงดูกระชับขึ้น จึงเป็นการฟื้นฟูผิวพร้อมกับยกกระชับผิวนั่นเอง

แพทย์ประจำคลินิก

“ลานนาวดีคลินิก” คลินิกศัลยกรรมตกแต่งความงาม โดยทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การันตีจบเฉพาะทางด้าน ศัลยกรรมความงาม (Cosmetic Surgery) จากเกาหลี และเทคโนโลยีอันทันสมัยครบวงจร เพื่อให้คุณได้สวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างมั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์หลังเข้ารับบริการ

Line id: @lannawadee 
IG: lannawadee_clinic
FACEBOOK: Lannawadee Clinic